วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557


The World's Most Valuable Guitars ! 10 กีตาร์ที่แพง... ที่สุดในโลก
Fender
10. Fender Jag-Stang (Kurt Cobain)
ราคา $ 190,000 (7,600,000 Baht)
Fender Jag-Stang ในปี 1993 เป็นส่วนผสมของรุ่น Jaguar และรุ่น Mustang
และเป็นตัวที่เขาใช้เล่นในช่วงต้นปี 1994 

ต่อมาเขายกกีตาร์ตัวนี้ให้ Michael Stipe แห่งวง " REM "
และ Michael ยังใช้ใน Music Video ของวง ในเพลง " What's the Frequency Kenneth "


9. Homemade Red Special (Brian May)
ราคา $ 500,000 (20,000,000 Baht)
Brian May ออกแบบและผลิตกีตาร์ Red Special ของเขา ตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่น และมันก็เป็นกีตาร์ตัวหลักของเขาแต่นั้นมา
May และพ่อของเขา เริ่มทำกีตาร์ตัวนี้ในปี 1962 และมันก็เสร็จสมบูรณ์ในเวลาสองปีต่อมา...
ตอนกีตาร์เสร็จสมบูรณ์ ผมอายุ 17 ปี ผมอยากได้กีตาร์ที่เสียงเพราะและซาวน์อุ่น แต่งานที่ออกมาภายนอกจะต้องดีด้วย...
เราพยายามจะออกแบบกีตาร์ Solidbody ที่มีคุณสมบัติแบบ Hollowbody อยู่ด้วย โดยเฉพาะเสียง feedback ที่พอดี "
Red Special เป็นสุดยอดสิ่งประดิษฐ์ในแง่การสร้างสรรค์งานด้วยตัวเอง
สปริงตรงคันโยก ก็เอามาจากขาตั้งมอร์เตอร์ไซค์...
Body ไม้โอ๊ค ก็เอามาจากหิ้งเตาผิงอายุ 500 ปี...
Number
8. Number One Strat (Stevie Ray Vaughan)
ราคา $ 600,000 (24,000,000 Baht)
ชื่อ Number One เป็นตัวที่บ่งบอกถึงตัว Stevie มากที่สุด
" Number One " Stratocaster ของ Stevie Ray Vaughan
เป็นกีตาร์ที่ประกอบจาก Vintage Strats มากกว่าหนึ่งตัว ส่วนประกอบหลักของกีตาร์ตัวนี้ คือ
body สี sunburst ปี '63 และ คอปี '63 เช่นกัน แต่คนละตัว
และ Stevie ได้ติด bridge แบบกีตาร์คนถนัดซ้าย เพื่อให้คันโยก ได้อารมณ์แบบ Hendrix
Frankenstein
7. Frankenstein Original Homemade (Edward Van Halen)
ราคา $ 1,000,000 (40,000,000 Baht)
กีตาร์ตัวนี้สร้างสรรค์ riff ต่างๆมากมาย เจ้าของผู้โด่งดังใช้เงินแลกมาเพียง 130 เหรียญ เท่านั้น !
Edward Van Halen ซื้อ body ไม้ Ash และคอ ไม้ Maple
เอามาจาก Lina Ellsworth ผู้ผลิตและเป็นเจ้าของ Seattle's Boogie Bodies ในปี 1975
" มันเป็นตัวที่สอง " Van Halen นั่งรำลึกอดีต "ผมให้ตังค์คนขายไป 50 เหรียญ สำหรับ body
ส่วน คอ ก็ได้มาในราคา 80 เหรียญ ผมก็เอาสองชิ้นนี้แหล่ะ มาประกอบกัน ! "
ตอนที่ Van Halen ได้ body มาใหม่ๆ มันเป็นช่องใส่ PickUp Single Coil 3 ตัว
Van Halen ก็ได้ทำการเจาะช่อง เพื่อจะใส่ humbucker ที่ด้านใกล้ bridge ซึ่งเขาได้ใส่ P.A.F.
ที่เอามาจาก ES-335 ปี 1961 ส่วน PickUp ด้านคอกีตาร์ ก็แยกระบบออกไปอย่างสิ้นเชิง
Blackie
6. Blackie (Eric Clapton)
ราคา $ 1,000,000 (40,000,000 Baht)
และFender Stratocaster ที่เขาซื้อมาในปี 1970 เป็นตัวเก่งที่เขาใช้เล่นในช่วง 1974 - 1985
และเป็นตัวที่ใช้อัดเสียง เพลงอมตะCocain และ Wonderful Tonight
ปัจจุบันเจ้าของคือ Guitar Center ที่ประมูลมาได้ และนำเงินที่ได้จากการประมูล ไปใช้ในการกุศล
Strat
5. Strat #001 (David Gilmour)
ราคา $ 1,000,000 (40,000,000 Baht)
Fender Stratocaster เป็นตัวที่ Stamp #001 แต่ไม่ใช่ตัวแรกจริงๆของ Fender รุ่นนี้
แต่คงเป็นเหตุผลพิเศษบางอย่าง ที่พิมพ์เลขนี้
กีตาร์ตัวนี้ เป็นของ David Gilmour มือกีตาร์ Pink Floyd มาโดยตลอด...
ไม่นานมานี้ เขาได้เอากีตาร์ตัวนี้ขึ้นเล่นที่ง่าน Fender Strat Pack Anniversary 2004
Es-1274
4. ES-1275 Doubleneck (Jimmy Page)
ราคา $ 1,500,000 (60,000,000 Baht)
Gibson ES-1275 สีแดงเชอร์รี่ตัวนี้ ยังคงถูกใช้โดยผู้สร้างชื่อให้ตัวมัน คือ Jimmy Page มาถึงทุกวันนี้
" ผมได้กีตาร์ doubleneck นี้มา หลังจากบันทึกเพลง "Stairway to Heaven" " Page กล่าว...
" เป็นเพราะผมต้องการกีตาร์ที่ต่างกัน ในการแสดงสด " ความดังฉุดไม่อยู่ของเพลง
"Stairway to Heaven"
บันทึกเสียงโดย Page ด้วย Fender Telecaster ในช่วง Solo
และ Fender Electric XII ในช่วง section 12 สาย ...
ซึ่งทำให้การแสดงสดบนเวทีมีความพิเศษขึ้น


Les Paul
3. Les Paul 1958 (Jimmy Page)
ราคา $ 1,900,000 (76,000,000 Baht)
Gibson Les Paul ปี 1958 เป็นตัวที่ใช้อัด Riff กีตาร์ยอดฮิตระดับโลก อย่างเพลง Rock&Roll, Black Dog
และเป็นตัวที่ใช้เล่นคอนเสิร์ตบ่อยมากๆในช่วงยุค '70"

hofner
2. Hofner Bass (Paul McCartney)
ราคา $ 3,500,000 (140,000,000 Baht)
Bass ตัวประวัติศาสตร์ของโลกดนตรี เป็นเบสมือซ้าย ของ Hofner ทรง Violin
เป็นตัวที่ใช้ทั้งอัดเสียง และ เล่นอยู่บ่อยมาก กับวง The Beatles มาตลอด
woodstock
1. Woodstock 1968 Strat (Jimi Hendrix)
ราคา $ 5,500,000 (200,000,000 Baht)
เป็นกีตาร์ตัว ประวัติศาสตร์ ในวงการ Rock History
และเป็นสัญลักษณ์ในยุคของเขาเลย เป็นกีตาร์ตัวที่แพงที่สุดในโลก เท่าที่เคยมีมา
ถูกขายครั้งแรก ในปี 1990 ราคา $ 320,760.-
ต่อมา... ในปี 1993 ราคา
 & 1,132,500.-

และในปัจจุบัน เป็นของอภิมหาเศรษฐี จาก Microsoft - Paul Allen



วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2556



สวัสดี ปีใหม่ ขอให้สุข
หมดสิ้นทุกข์ กายจิต มิผิดผัน 
อายุมั่น ขวัญยืน สี่หมื่นวัน 
มีผิวพรรณ ผ่องนวล เย้ายวนชม..


สวัสดีปีใหม่ ส่งใจอวยพร
เขียนเป็นคำกลอน   ให้พรสุขี
ขอให้ทุกท่าน  พ้นผ่านไพรี
อยู่ดีกินดี  โชคดีตลอด
มั่งมีเงินทอง ข้าวของสินสอด
รายได้ตลอด ให้ปลอดโรคภัย
เรื่องเจ็บอย่าป่วย ความซวยห่างไกล
ทุกข์เข็ญจัญไร จงไกลห่างตัว
จงสุขสำราญ  เบิกบานกันทั่ว
ความเลวความชั่ว  ห่างตัวห่างใจ
จงมีแต่สุข   เรื่องทุกข์อย่าใกล้
โชคดีปลอดภัย  คนไทยทุกคน



เกม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การเล่นชักเย่อ

เกมไพ่ เป็นเกมอีกประเภทหนึ่งที่นิยมเล่นทั่วโลก
เกม เป็นลักษณะของกิจกรรมของมนุษย์เพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เพื่อความสนุกสนานบันเทิง เพื่อฝึกทักษะ และเพื่อการเรียนรู้ เป็นต้น และในบางครั้งอาจใช้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาได้
เกมประกอบด้วยเป้าหมาย กฎเกณฑ์ การแข่งขันและปฏิสัมพันธ์ เกมมักจะเป็นการแข่งขันทางจิตใจหรือด้านร่างกาย หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ซึ่งส่งผลให้เกิดพัฒนาการของทักษะ ใช้เป็นรูปแบบของการออกกำลังกาย หรือการศึกษา บทบาทสมมุติและจิตศาสตร์ เป็นต้น
เกมเป็นกิจกรรมของมนุษย์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน Royal Game of UrSenet และ Mancala เป็นเกมที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์[1] โดยสามารถย้อนไปได้ถึง 2,600 ปีก่อนคริสตกาล[2][3]

องค์ประกอบ

เกมจะต้องประกอบด้วย
  • ผู้เล่นตามจำนวนของเกมนั้นๆ ที่กำหนด บางเกมหากผู้เล่นไม่ครบตามจำนวนก็ไม่สามารถเล่นได้
  • อุปกรณ์การเล่นเกมนั้นๆ
  • เป้าหมายของเกม ซึ่งอาจมีเป้าหมายเดียวหรือหลายเป้าหมาย โดยผู้เล่นสามารถเลือกวิธีการเล่นได้
  • กฎ กติกา และแนวทางของเกม ที่ผู้เล่นจะต้องปฏิบัติตาม

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556


กีตาร์


กีตาร์ (อังกฤษGuitar) เป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง จัดเป็นพวกเครื่องสาย มักจะเล่นด้วยนิ้วมือซ้าย และดีดด้วยนิ้วมือขวาหรือใช้ปิ๊กดีดกีตาร์ เสียงของกีตาร์นั้นเกิดจากการสั่นสะเทือนของสาย ทำให้เกิดกำทอน (resonance) แก่ตัวกีตาร์และคอกีตาร์
กีตาร์นั้น มีทั้งแบบกีตาร์อะคูสติก และกีตาร์ไฟฟ้า บางตัวก็เป็นได้ทั้งสองอย่าง กีตาร์มีส่วนตัวเป็นกล่องกำทอน ซึ่งในกีตาร์อะคูสติกจะเจาะเป็นช่อง ส่วนกีตาร์ไฟฟ้ามักจะตัน และมีโพรงในส่วนคอกีตาร์ โดยทั่วไปแล้วส่วนหัวของกีตาร์จะยืดขึ้นไปจากคอ เพื่อใส่ลูกบิดหมุนสายสำหรับปรับเสียง
กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่นิยมใช้แพร่หลาย และใช้กับดนตรีหลากหลายสไตล์ นับเป็นเครื่องดนตรีที่นิยมใช้บรรเลงเดี่ยวอย่างกว้างขวางที่พบเห็นมากที่สุดคือกีตาร์คลาสสิก และยังเป็นเครื่องดนตรีหลักในวงดนตรีประเภทบลูส์ และดนตรีร็อกอีกด้วย กีตาร์สามารถเล่นในยามว่าง หรือ เป็นงานอดิเรก ได้ดี
ปกติกีตาร์จะมี 6 สาย แต่แบบ 4- 7- 8- 10- 12- สายก็มีเช่นกัน ผู้ประดิษฐ์กีตาร์จะเรียกว่า luthier 

ประวัติ


เครื่องดนตรีที่มีลักษณะคล้ายกีตาร์เป็นที่นิยมมากว่า 5,000 ปีเป็นอย่างต่ำ โดยเริ่มเป็นที่นิยมในแถบเอเชียกลาง เรียกว่าซิตาร่า (Sitara) เครื่องดนตรีที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกีตาร์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบมีอายุ 3,300 ปี เป็นหินสลักของกวีอาณาจักรโบราณฮิตไตต์
คำว่ากีตาร์มาจากภาษาสเปนคำว่า guitarra ซึ่งมาจากภาษากรีกอีกทีคือคำว่า Kithara kithara จากหลายแหล่งที่มาทำให้คำว่ากีตาร์น่าจะมีรากศัพท์มาจากภาษาตระกูลอินโดยูโรเปียน guit- คล้ายกับภาษาสันสกฤต ที่แปลว่า ดนตรี และ -tar หมายถึง คอร์ด หรือ สาย คำว่า qitara เป็นภาษาอาราบิก ใช้เรียก Lute lute ส่วนคำว่า guitarra เกิดขึ้นเมื่อเครื่องดนตรีชนิดนี้ถูกนำมาที่ Iberia (หรือ Iberian Peninsular เป็นคาบสมุทรทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในทวีปยุโรป) โดย Moors
กีตาร์ในยุคปัจจุบัน มาจากเครื่องดนตรีที่เรียกว่า cithara ของชาวโรมัน ซึ่งนำเข้าไปแพร่หลายในอาณาจักรฮิสปาเนีย หรือสเปนโบราณ ประมาณ ค.ศ. 40 จากนั้นเปลี่ยนแปลงรูปแบบจนกลายมาเป็น เครื่องดนตรีที่มี 4 สายเรียกว่า อู๊ด (oud) นำเข้ามาโดยชาวมัวร์ในยุคที่เข้ามาครอบครองคาบสมุทรไอบีเรียน ในศตวรรษที่ 8 ส่วนในยุโรปมีเครื่องดนตรีที่เรียกว่า ลุต (lute) ของชาวสแกนดิเนเวียมี 6 สาย ในสมัย ค.ศ. 800 เป็นเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มชาว(ไวกิ้ง)
ค.ศ. 1200 กีตาร์ 4 สาย มี 2 ประเภท คือ กีตาร่า มอ ริสกา หรือกีตาร์ของชาวมัวร์ มีลักษณะกลม ตัวคอกว้าง มีหลายรู กับกีตาร่า ลาติน่า ซึ่งรูปร่างคล้ายกีตาร์ในปัจจุบัน คือมีรูเดียวและคอแคบ ในศตวรรษที่ 16 เครื่องดนตรีคล้ายกีตาร์ของชาวสเปน ที่เรียกว่าวิฮูเอล่า เป็นเครื่องดนตรีที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกีตาร์ในปัจจุบัน มีความผสมผสานระหว่างเครื่องดนตรีอู๊ดของชาวอาหรับและลูตของยุโรป แต่ได้รับความนิยมในช่วงสั้น ๆ พบเห็นจนถึงปี 1576
เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่มีรูปลักษณ์เหมือนกีตาร์ในปัจจุบัน เกิดในช่วงยุคปลายของสมัยกลางหรือยุคต้นสมัยเรอเนสซอง (500 กว่าปีที่แล้ว) เป็นช่วงที่มีการใช้เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายกันทั่วโลก ในยุคนั้นกีตาร์มีทั้งแบบ 4 และ 5 สาย สำหรับกีตาร์ที่มี 6 สาย ระบุว่ามีขึ้นในปี 1779 เป็นผลงานของนายแกตาโน วินาซเซีย (Gaetano Vinaccia) ในเมืองเนเปิล อิตาลี แต่ก็ถกเถียงกันว่าอาจเป็นของปลอมสำหรับตระกูลวินาซเซียมีชื่อเสียงในการผลิตแมนโดลินมาก่อน
กีตาร์ไฟฟ้าตัวแรกเริ่มผลิตขึ้นในศตวรรษที่ 20 โดยจอร์จ โบแชมป์ (George Beauchamp) ได้รับสิทธิบัตรในปี 1936 และร่วมกับ ริกเค่นแบ็กเกอร์ (Rickenbacker) ตั้งบริษัท Electro String Instrument ผลิตกีตาร์ไฟฟ้าในช่วงปลายปีทศวรรษที่ 1930 ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1960 จอห์น เลนนอน สมาชิกวงเดอะบีทเทิลส์ใช้กีตาร์ยี่ห้อนี้ ส่งผลให้เครื่องดนตรียี่ห้อนี้มีชื่อเสียงในกลุ่มนักดนตรีในยุคนั้น และในปัจจุบันบริษัทริกเค่นแบ็กเกอร์ เป็นบริษัทผลิตกีตาร์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

ประเภทของกีตาร์

Renaissance guitars
มีขนาดเล็กกว่ากีตาร์คลาสสิก และให้เสียงที่เบากว่ามาก
Classical guitars
กีตาร์คลาสสิก ถือเป็นต้นแบบกีตาร์ในยุคปัจจุบัน มีลูกบิดและแกนพันสายเป็นพลาสติก มีคอหรือฟิงเกอร์บอร์ดขนาดใหญ่ประมาณ 2 นิ้ว ลักษณะแบนราบ สายที่1 และ2 เป็นสายไนล่อน
Portuguese guitar
มี 12 สาย ใช้กับเพลงพื้นเพลงชื่อ Fado ในประเทศโปรตุเกส
Flat-top (steel-string) guitars
มีขนาดใหญ่กว่ากีตาร์คลาสสิก และเสริมความแข็งแรงที่คอ เพื่อรองรับแรงตึงของสาย ให้เสียงที่ใสและดังกว่า สายที่ใช้ สาย1และ2 มีลักษณะเป็นเส้นลวดเปลือย สายที่3-6 เป็นเส้นลวดและมีขดลวดเล็กๆพันเป็นเกลียวเพื่อเพิ่มขนาดของสาย
Archtop guitars
ด้านหน้าจะโค้ง โพรงเสียงไม่เป็นช่องกลม สะพานยึดสายด้านล่างมักเป็นแบบหางปลา นิยมใช้เล่นในดนตรีแจ๊ส
Resonator
หรือ Resophonic หรือ dobro คล้ายกับกีตาร์ Flat-top
12 string guitars
นิยมใช้ใน folk music, blues และ rock and roll มีสายโลหะ 12 สาย
Russian guitars
มี 7 สาย พบในรัสเซีย และ บางประเทศที่แยกจากสหภาพโซเวียตเท่านั้น
Acoustic bass guitars
เป็นกีตาร์เบสในรูปแบบอคูสติก มีสายและเสียงเหมือนกัน โน้ตที่เล่นจะใช้ "กุญแจฟา" ให้เสียงทุ้มต่ำ นุ่มนวล
Tenor guitars
มี 4 สาย
Harp guitars
จะมีสาย harp เพิ่มขึ้นมา จากปกติที่มี 6 สาย สาย harp จะให้เสียงต่ำหรือเสียงในช่วงเบส ปกติจะไม่มีฟิงเกอร์บอร์ดหรือเฟร็ต
Guitar battente
มีขนาดเล็กกว่ากีตาร์คลาสสิก นิยมใช้เล่นกับเครื่องสายอีก 4-5
Ukulele Guitar
เป็นกีตาร์ ขนาดเล็ก มี 4 สายในปัจจุบันผู้หญิงนิยมเล่น

กีตาร์ไฟฟ้า


แบ่งตามโครงสร้างของลำตัวกีต้าร์ (Body) อาจแบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ
กีต้าร์ตัวตัน (Solid Body)
หมายถึง กีต้าร์ไฟฟ้าปกติที่ลำตัวมีลักษณะตัน ไม่มีการเจาะช่องในลำตัวกีต้าร์เหมือนอย่างกีตาร์โปร่ง หรือ อะคูสติกกีตาร์ แต่บริเวณลำตัวจะมีตัวรับสัญญาณแรงสั่นสะเทือนของสายกีต้าร์ (Pick Up) ขณะที่ดีด เพื่อส่งต่อไปยังเครื่องขยายเสียง (Amplifier) ต่อไป โดยทั่วไป ตัวรับสัญญาณจะมี 2 ประเภท คือ ตัวรับสัญญาณแบบแถวเดี่ยวที่เรียกว่า Single Coil และแบบแถวคู่ที่เรียกว่า Humbucker
กีต้าร์ลำตัวกึ่งโปร่ง (Semi-Hallow Body)
เป็นกีต้าร์ไฟฟ้าที่มีลักษณะโครงสร้างส่วนกลางของลำตัวในแนวเดียวกับคอกีต้าร์ มีลักษณะตัน (แต่มีการเจาะช่องเพื่อใส่ตัวรับสัญญาณแรงสั่นสะเทือนของสายกีต้าร์ (Pick Up) เช่นเดียวกับกีต้าร์ตัวตัน) บริเวณส่วนข้างของกีต้าร์มีการเจาะช่อง (Sound Hole) เอาไว้เพื่อให้เกิดการกำทอนของเสียงมากกว่ากีต้าร์ตัวตัน ซึ่งจะให้เสียงที่เป็นอคูสติกมากขึ้น นิยมใช้ในดนตรีแจ๊สหรือบลูส์ เป็นกีต้าร์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อลดเสียงรบกวนที่เรียกว่าFeed back ซึ่งเกิดจากกีต้าร์ไฟฟ้าลำตัวโปร่ง (กล่าวคือ ยังมีเสียงรบกวนบ้างแต่น้อยลงกว่าเดิม)
กีต้าร์ลำตัวโปร่ง (Hallow Body)
กีต้าร์ไฟฟ้าที่มีการเจาะช่องเอาไว้เพื่อให้เกิดการกำทอนของเสียง (Sound Hole) เช่นเดียวกับกีต้าร์โปร่งหรืออคูสติก และกีต้าร์ลำตัวกึ่งโปร่ง ปกติช่องดังกล่าวมักจะอยู่ด้านข้างของลำตัวกีต้าร์ เนื่องจากบริเวณกลางลำตัวจะมีการใส่ตัวรับสัญญาณแรงสั่นสะเทือนของสายกีต้าร์ (Pick Up) เช่นเดียวกันกับกีต้าร์ตัวตัน ซึ่งผลของการที่มีช่องกำทอนเสียง ทำให้ลักษณะของเนื้อเสียงที่ได้เป็นอคูสติกมากกว่า กีต้าร์ Semi-Hallow Body แต่หากขยายเสียงให้ดังมากจะก่อให้เกิดเสียงรบกวนที่เรียกว่า Feed back กีต้าร์ประเภทนี้มักจะนิยมใช้กับดนตรีแจ๊สหรือบลูส์เป็นส่วนใหญ่

ส่วนประกอบของ อะคูสติคกีตาร์

ไม้ข้าง และไม้หลัง หรือ back & side ของ acoustic guitar
เมื่อเทียบกับประเภทของไม้ที่ถูกนำมาใช้ด้านหน้าของกีต้าร์แล้ว ไม้ที่ถูกนำมาใช้เป็นแผ่นหลังและข้างนั้น มีมากมายหลายชนิดกว่า อาจแบ่งออกกว้างๆ เป็นตระกูล Rosewood, Walnut, Maple, Koa, Mahogany รวมไปถึงไม้แปลกๆ ใหม่ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยม และพวกที่ยังไม่ค่อยแพร่หลายนัก เพื่อความสะดวกและเข้าใจได้ง่าย ผู้เขียนจะแบ่งประเภทของไม้ออกเป็นจำพวกคร่าว ๆ ดังนี้
  1. Rosewood
  2. Mahogany
  3. Koa
  4. Maple
  5. Walnut
  6. Ziricote (Cordia Dodecandra)
  7. Macassar Ebony (Diospyrus Celebica)
  8. Myrtewood
  9. African Blackwood
  10. African Paduk
  11. Imbuia
  12. Cherry
ไม้หน้า หรือ Top ของ Acoustic Guitar
  1. Sitka Spruce
  2. Englemann Spruce
  3. Red Spruce
  4. German Spruce
  5. Alpine Spruce
  6. Cedar
  7. Port Orford Cedar
  8. Redwood
  9. Western Larch

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ทฤษฎ๊โน๊ตสากล ตอนที่ 1PDFพิมพ์อีเมล
เขียนโดย ตาเรน   
     โน๊ตสากล  เป็นภาษาดนตรีที่ใช้ได้ทั่วโลก...ถ้าสามารถเล่นดนตรีประกอบอ่านโน๊ตสากลได้ 
ก็ตระเวนท่องเที่ยวและแสดงฝีมือทางดนตรีได้ทั่วโลก...การคิดและทำความเข้าใจในตัวโน๊ต...
เกิดความคิดสร้างสรรใหม่ ๆในด้านดนตรี...สร้างเสียงดนตรีทำนองแปลก ๆ ใหม่ ๆ ไม่แน่นักว่า
จะดังเปรี๊ยงปร๊างขึ้นมา..ทันตาเห็น..ยิ่งเรียนยิ่งสนุก...
    บ๊ะ..ชักอยากเรียนแล้วซิ...ป๊ะ..ไปเรียนกันเล๊ย.ย..ย..ของฟรี  อยู่ที่นี่เด้อครับเด้อ..อิ..อิ..

The Staff, Clefs, and Ledger Lines

Grand Staff
 บรรทัด 11 เส้น  แบ่งเป็น 2 กลุ่มเพื่อให้อ่านได้ง่ายขึ้น

Clefs 
เป็นกุญแจซอล 5 เส้น
เป็นกุญแจฟา   5 เส้น
โดยมีเส้นที่ 6 เชื่อมระหว่างกุญแจซอล และ กุญแจฟา เรียกว่า เส้นน้อย

 Ledger Lines
ตัวโน๊ตที่วางอยู่ในกุญแจ ซอล และกุญแจ ฟา
                      http://youtu.be/MCRP5cOYcSs  วีดีโอ note#1

 Note Duration = ลักษณะตัวโน๊ตต่าง ๆ

 ตัวโน๊ต     http://www.youtube.com/watch?v=iIOVYGHsVhc&feature=g-upl  = วีดีโอ..ตอนที่ 2 อธิบายตัวโน๊ต
            
 Measures and Time Signature = อัตตราส่วนโน๊ต 
 http://www.youtube.com/watch?v=OWFp2jdTcLg&feature=youtu.be = วีดีโอ.ตอนที่ 3 อัตราส่วนโน๊ต

Rest Duration = ตัวหยุด

ตัวหยุดชนิดต่าง ๆ

 Dot = โน๊ตปะจุด = ให้เล่นเสียงเพิ่มอีกครึ่งเสียงของโน๊ตตัวหน้า
Tie = ไทซ์โยง = ให้เล่นเสียงเพิ่มอีกตามตัวโน๊ตที่มีไทซ์โยง
(ส่วนมากโยงระหว่างเส้นกั้นห้อง หรือเส้นสมมติกลางห้อง)

Imagine line = เส้นสมมติ
 imagine line = เส้นสมมติ  คือเส้นที่นักดนตรีจินตนาการขึ้นมาก่อนเข้าจังหวะที่ 3  เพื่อให้การ
อ่านโน๊ตไม่ผิดส่วนโน๊ต หรือไม่ผิดจังหวะ  และอ่านง่ายขึ้น  งงเด๊ะ  งง.. ซิ..งง.. อิ..อิ..

ดู 2 ภาพนี้
เขียนโน๊ตผิด..เพราะเขียนโน๊ตไม่มีเส้นสมมติ...

เขียนโน๊ตถูกต้อง...เพราะมีเส้นสมมติ
ทีนี้ก็เข้าใจแล้วว่า...เส้นสมมติคือเส้นหยั๋ง..อิ..อิ..เฮ้อ..โล่ง
           
Flat, Sharp, Natural
Flat = ต่ำลงครึ่งเสียง                         Double flat = ต่ำลง 1 เสียง
Sharp = สูงขึ้นครึ่งเสียง                     Double sharp = สูงขึ้น 1 เสียง
Natural = เล่นโน๊ตปกติ
  


ตัวอย่างอัตราส่วนโน๊ตใน 1 บาร์ หรือ 1 ห้อง 


กฎหลัก  (สำคัญมาก) 

ระยะห่างของเสียง 1 เสียงเต็ม  เฉพาะ 3-4 และ 7-8 ห่างกัน ครึ่งเสียง
กฎนี้นำไปใช้กับระดับเสียงอื่น ๆ ได้ทั้ง 12 เสียง

 ระยะห่างของเสียง 1 เสียงเต็ม  เฉพาะ 2-3 และ 5-6 ห่างกัน ครึ่งเสียง

สำหรับชื่อเรียกประจำตัวโน๊ตแต่ละตัวนี้..ก็จำผ่าน ๆ ไปก่อนละกันเน๊าะ..

กุญแจเสียง  สำคัญมาก..จะค่อย ๆ อธิบายนะครับ

อธิบาย   0 หรือ เนเจอร์รัล  คือบรรไดเสียง C (โด)  จะไม่มีแฟล๊ท หรือ ชาร์ฟ
              ติดมาในบรรไดเสียงนี้ 
              (อยู่ในกฎหลัก C เมเจอร์ หรือกฎจากเครื่องดนตรี เอาเปียโนเป็นกฎ)
หมายเหตุ  แฟล๊ท = ให้ค่าเป็น ลบ -
                  ชาร์ฟ  = ให้ค่าเป็น บวก +  

Key Signature = กุญแจเสียง (บันไดเสียงต่าง ๆ)


ตัวอย่าง คีย์ ฟา (F major)
จากกฎ 1-2-3   และ3-4 =ครึ่งเสียง 
             4-5-6-7 และ 7-8 =ครึ่งเสียง
    ดูตามภาพ จะเห็นว่า  เริ่มด้วย ฟา     เป็นตัวที่ 1
                                                   ซอล  เป็นตัวที่ 2
                                                   ลา     เป็นตัวที่ 3
กฎ บังคับให้ 3-4 = ครึ่งเสียงแต่ตามภาพนี้ 3-4 = 1 เสียง ตัว ซี (B) จึงต้องแคบเข้าครึ่งเสียง
      จึงกลายเป็น           Bb (ซีแฟล๊ต)  เป็นตัวที่ 4
                                                   โด     เป็นตัวที่ 5
                                                    เร      เป็นตัวที่ 6
                                                     มี     เป็นตัวที่ 7
                                                     ฟา   เป็นตัวที่ 8
      ดูตามภาพจะเห็นว่า 7-8 อยู่ตามกฎของเสียง (เครื่องดนตรี) อยู่แล้ว

      เอ...งงป่าวหว่า..??

      ถ้าไม่งง...ลองซ้อมมือเขียนคีย์ต่าง ๆ ตามรูปบันไดเสียงดูครับ
หรือจะลองกดคีย์เปียโนดู  ก็ยิ่งจะเข้าใจเร็วขึ้นครับ...เช่น

      คีย์ ซอล...(G)  เริ่มด้วยตัว  ซอล  เป็นตัวที่ 1  ก็ไล่เรียงขึ้นไปให้ได้ตามกฎเมเจอร์
ดูซิว่าตัวโน๊ตจะพาเราจรไปติดคีย์แฟล๊ต หรือ ชาร์ฟ  ตัวไหนบ้าง
      ภาษานักดนตรี ก็จะบอกกันว่า  คีย์ 1 ชาร์ฟ,  คีย์ 1 แฟล๊ต, คีย์ 2 ชาร์ฟ, คีย์ 3 แฟล๊ต
จนกระทั่งถึง 5 แฟล๊ต  5 ชาร์ฟ .หรือ 7 แฟล๊ต 7 ชาร์ฟ..เป็นต้น...เอ้า...ลองทำดูครับ
พอทำได้ เข้าใจ ก็จะสนุกไปเรื่อย ๆ ทีเดียว..อิ..อิ.. 
 photo musictheory_zpse139c114.jpg 

Generic Intervals  ขั้นคู่เสียง 
 สำคัญ  เพราะเครื่องดนตรีที่ระดับเสียงไม่เหมือนกัน...ต้องการให้ออกเสียงเดียวกัน
หรือประสานเสียงระหว่างเครื่องดนตรีชนิดเดียวกันหรือต่างชนิดกัน...หลายชิ้น

ระดับเสียง Cmajor  จากคู่ที่ 1  ตามละดับจนถึงคู่ที่ 8
โดยยึดหลักจากแผนภูมินี้...เป็นกฎ  ใช้เรียกคู่เสียงหรือเทียบเคียงขั้นคู่
ในระดับเสียงอื่น ๆ

ตัวอย่างนี้  C major,    D major,  E major....

Specific Intervals = ขั้นคู่เสียงพิเศษ
  เมื่อตัวโน๊ตตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป  มาใช้งานร่วมกัน  ก็เกิดขั้นคู่เสียงขึ้น  ทำให้เกิดเสียง
เมเจอร์  ไมเนอร์ หรือเพอร์เฟ๊ก  จึงต้องนำมาทำความเข้าใจก่อนครับ

คู่ 2 เมเจอร์  และแคบเข้ามาครึ่งเสียง  เป็น คู่ 2 ไมเนอร์

คู่ 2 เมเจอร์

คู่ 3 เมเจอร์

คู่ 4 เพอร์เฟค

คู่ 5 เพอร์เฟค

คู่ 6 เมเจอร์

คู่ 7 เมเจอร์

คู่ 8 เพอร์เฟค  คือ โด ถึง โด

minor intervals
ชื่อเรียก คู่เมเจอร์  เมื่อแคบเข้าครึ่งเสียง  เป็นคู่ไมเนอร์...
ชื่อเรียก คู่เพอร์เฟค  เมื่อกว้างออกครึ่งเสียง  เป็นคู่อ๊อคเมนเตด...

ตัวอย่างคู่ไมเนอร์